คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

ของ บริษัท ไทยแลนด์สเมลติ้ง แอนด์ รีไฟนิ่ง จำกัด

Privacy Notice

บริษัท ไทยแลนด์สเมลติ้ง แอนด์ รีไฟนิ่ง จำกัด (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้มอบให้แก่บริษัทฯ ด้วยความไว้วางใจ บริษัทฯ จึงจัดให้มีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) นี้ เพื่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ใช้บริการ ตลอดจนบุคคลอื่น ๆ ซึ่งมีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ได้รับทราบถึงคำประกาศของบริษัทฯ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทข้อมูล และวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก สิทธิของท่าน การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และวิธีการที่ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะกรณีที่จำเป็นหรือมีฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น ซึ่งรวมถึงกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินการตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย การปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำกับไว้กับบริษัทฯ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ การดำเนินการตามความยินยอมของท่าน และ/หรือภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากหลากหลายช่องทาง ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจประกอบไปด้วยข้อมูลชนิดต่าง ๆ ดังนี้

1.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ที่ลูกค้า คู่ค้า ผู้ใช้บริการ หรือผู้มีส่วนได้เสียได้ให้ไว้ ได้แก่

(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปที่เป็นข้อมูลแสดงตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ/นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เพศ วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ รูปภาพ

(ข) ข้อมูลติดต่อส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล

(ค) ข้อมูลในการยืนยันตัวตน เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน รหัสพนักงาน รหัสลูกค้า หมายเลขบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง

(ง) ข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลการทำธุรกรรมของท่านกับบริษัทฯ เช่น หมายเลขบัญชีเงินฝาก

(จ) ข้อมูลการบันทึกภาพและเสียง ผ่าน CCTV ซึ่งเมื่อท่านเข้ามาติดต่อภายในบริเวณสำนักงานของบริษัทฯ จะมีการบันทึกภาพและเสียง ทั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ

(ซ) ข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งปรากฎอยู่ในแบบฟอร์มในการกรอกข้อมูล รวมถึงเอกสารที่ใช้

1.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) ด้วยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้มีการกำหนดข้อมูลบางประเภทให้เป็นข้อมูลอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ความคิดเห็นทางการเมือง ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น และการเก็บรวบรวมจะทำได้ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งรวมถึงอาจต้องได้รับความยินยอมจากท่าน ดังนั้น บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลอ่อนไหวเฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบอย่างชัดแจ้งถึงเหตุผลความจำเป็น รวมถึงอาจดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลอ่อนไหวดังกล่าวในบางกรณี

1.2 แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากช่องทาง ดังนี้

1.2.1 เก็บรวบรวมโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการลงนามในสัญญาหรือเอกสาร การสมัครงาน การตอบแบบสอบถาม ทั้งรูปแบบกระดาษและรูปแบบออนไลน์ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับบริษัทฯ ผ่านช่องทางที่กำหนด

1.2.2 เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ไม่เกิน 30 วันนับแต่ได้รับข้อมูลมาจากแหล่งอื่น เพื่อขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทฯ สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ดังนี้

(ก) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

(ค) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

(ง) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

(จ) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ซ) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา หรือต้องให้ข้อมูลด้วยประการอื่นใด หากเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวนั้น อาจส่งผลให้ธุรกรรมหรือกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว จนกว่าบริษัทฯ จะได้รับข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นได้ หรือกฎหมายกำหนดห้ามมิให้มีการดำเนินธุรกรรมหรือกิจกรรมนั้นอีกต่อไป

ข้อ 2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ ทำการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัท ฯ อันชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้

2.1 เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามข้อตกลง สัญญา หรือการบังคับชำระหนี้ หรือเพื่อการดำเนินการตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทใดๆที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ ทั้งทางแพ่ง และ/หรือ อาญา

2.2 เพื่อการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น หรือของนิติบุคคลอื่น

2.3 เพื่อพัฒนาปรับปรุงระบบและการให้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการ และ/หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

2.4 เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ ที่บริษัทฯ มีต่อหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแล หรือหน่วยงานด้านภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันตามกฎหมายของบริษัทฯ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย สอดคล้องกับกฎหมาย หลักเกณฑ์ กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่มีการใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมในอนาคต

2.5 เพื่อติดต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสอบถาม แจ้งให้ทราบ ตรวจสอบ ยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

2.6 เพื่อบันทึกภาพนิ่ง และ/หรือ ภาพเคลื่อนไหว และ/หรือ เสียง เกี่ยวกับการประชุม การฝึกอบรม สัมมนา นันทนาการ และ/หรือกิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ

2.7 เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย จัดทำสถิติ

2.8 เพื่อพัฒนาการให้บริการ จัดทำการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์

หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะแจ้งหรือประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของข้อมูลรับทราบโดยทันที

ข้อ 3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นไปอย่างราบรื่น หรือเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ที่บริษัทฯ มีต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ใช้บริการ ตลอดจนบุคคลอื่น ๆ ซึ่งมีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม ตัวแทน เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะกำหนดให้หน่วยงานบุคคลที่สามดำเนินการเก็บรักษาความลับ ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดข้อห้ามมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปใช้ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทฯ กำหนด ซึ่งบุคคลที่สามที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้ทราบ มีดังต่อไปนี้

3.1 เปิดเผยแก่บริษัทในเครือ เท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมร่วมกัน

3.2 เปิดเผยแก่ผู้บริการภายนอก (Outsource/Service Provider) ที่บริษัทฯ เป็นคู่สัญญา ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น ผู้ให้บริการ Cloud Computing, นายทะเบียน (Registrar) เป็นต้น

3.3 เปิดเผยแก่ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้างที่ทำสัญญากับบริษัทฯ หรือตัวแทนที่ปฏิบัติหน้าที่ในนามของบริษัทฯ

3.4 เปิดเผยให้แก่หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นไปตามคำสั่งของหน่วยงานรัฐ เช่น กรมสรรพากร กรมบังคับคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบุคคลใดๆ ตามที่กฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด เปิดเผยตามคำร้องขอของหน่วยงานหรือองค์กรในต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกำกับของประเทศไทยเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมาย

3.5 เปิดเผยข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย การดำเนินคดีทางศาล คำสั่งศาล หมายเรียก หรือกระบวนการทางกฎหมายอื่นๆ

3.6 เปิดเผยต่อที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ผู้ให้คำปรึกษา และ/หรือ ผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอก ตัวแทนทวงถามหนี้ ทนายความ เพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ หรือการยกขึ้นต่อสู้ตามสัญญาหรือตามกฎหมาย

3.7 เปิดเผยข้อมูลให้แก่บุคคลภายนอกตามที่บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือเปิดเผยเพื่อการทำธุรกรรมตามความประสงค์ของท่าน

นอกเหนือจากที่กล่าวไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ บริษัทฯ จะไม่ให้ข้อมูลของท่านแก่บุคคลภายนอกโดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่ บริษัทฯ เชื่อโดยสุจริตว่าจำเป็น หรือได้รับอนุญาตให้ดำเนินการดังกล่าวตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ข้อ 4. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้บังคับของกฎหมาย ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

4.1 สิทธิในการถอนความยินยอม (Right to Withdraw of Consent) ท่านมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ หากบริษัทฯ ไม่มีฐานโดยชอบด้วยกฎหมายอื่นที่จะทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยต่อไป บริษัทฯ จะดำเนินการลบข้อมูลออก

4.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access) ท่านมีสิทธิขอทราบและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมได้

4.3 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

4.4 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Data Portability) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านจากบริษัทฯ ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้ง (ก) มีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นถ้าหากสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือ (ข) ขอรับข้อมูลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้

4.5 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Erasure or Right to be Forgotten) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน

4.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี เช่น บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

4.7 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object) ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับท่าน ในกรณีดังนี้

กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ

กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

4.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint) ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในกรณีที่บริษัทฯ ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ ทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่ได้กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทฯ จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ จะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อ 5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

ในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ หรือผู้รับข้อมูลของบริษัทฯ ที่มีความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้

5.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย

5.2 ได้แจ้งให้ท่านทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางและได้รับความยินยอมจากท่าน

5.3 ปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านทำไว้กับบริษัทฯ หรือตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญา

5.4 ปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน

5.5 ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ หรือ

5.6 ดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

ข้อ 6. การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยระบบเว็บไซด์ของบริษัท

ในการเข้าใช้งานระบบเว็บไซต์ของบริษัทฯ บริษัทฯจะเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างจากการใช้งานของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือตามนโยบายของบริษัทฯ เช่น บริษัทฯ จะนำข้อมูลที่คุกกี้หรือเทคโนโลยีอื่นซึ่งคล้ายคลึงกันได้บันทึกหรือเก็บรวบรวมไว้ ไปใช้ในการวิเคราะห์เชิงสถิติ หรือในกิจกรรมอื่นของระบบเว็บไซต์ หรือกิจการของบริษัทฯ เพื่อช่วยให้บริษัทฯ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการระบบเว็บไซต์ของบริษัทฯ ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบการจัดเก็บข้อมูลทางเว็บไซด์ของบริษัทฯ ได้จากนโยบายคุกกี้ที่ปรากฎในหน้าเว็บไซด์ของบริษัทฯ ได้

ข้อ 7. มาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ มีการกำหนดนโยบาย แนวปฏิบัติ และมาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้ใช้บริการ และผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง ทั้งมาตรการในการบริหารจัดการ (Organizational Measure) และมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของท่านโดยมิได้รับอนุญาต หรือการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ระบบสารสนเทศในการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด นโยบายการรักษาข้อมูลความลับของท่าน เป็นต้น และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย แนวปฏิบัติ และมาตรฐานขั้นต่ำดังกล่าวเป็นระยะๆ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน และผู้ให้บริการของบริษัทฯ ก็มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทฯ จะดำเนินมาตรการตามที่เห็นว่าจำเป็นอย่างน้อยตามมาตรฐานการรักษาความลับที่กฎหมายของประเทศนั้นๆ กำหนดไว้ เช่น มีข้อสัญญารักษาความลับกับคู่สัญญาในประเทศดังกล่าว เป็นต้น

ข้อ 8. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้ชี้แจงไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หรือตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอาจมีความแตกต่างกันตามความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านสามารถดูรายละเอียดได้จากแต่ละกิจกรรมและบริการของบริษัทฯ และในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้เป็นลูกค้า คู่ค้า ผู้ใช้บริการ ตลอดจนบุคคลอื่น ๆ ซึ่งมีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ อีกต่อไป หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไปแล้ว บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ หรือตามนโยบาย แนวปฏิบัติต่างๆ ในเรื่องการจัดเก็บและทำลายของบริษัทฯ

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกินระยะเวลาที่กำหนดหากมีเหตุที่บริษัทฯ ได้รับแจ้งหรือเชื่อโดยสุจริตได้ว่าอาจมีการกระทำละเมิดข้อตกลง หรือมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือเกิดข้อพิพาท/คดีความ และจำเป็นต้องมีการสืบสวน สอบสวน ตลอดจนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นกำหนด

ข้อ 9. การเปลี่ยนแปลงประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริษัทฯ อาจมีการพิจารณาทวบทวนปรับเปลี่ยนหรือแก้ไข ให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว บริษัทฯ จะแสดงประกาศฉบับที่เป็นปัจจุบันไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ

10. ช่องทางการติดต่อ

ช่องทางการติดต่อบริษัทหรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

บริษัท ไทยแลนด์สเมลติ้ง แอนด์ รีไฟนิ่ง จำกัด

80 หมู่ 8 ถนนศักดิเดช ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000 ไทยแลนด์
P: +66 (0)76371 111
Fax.: +66 (0)76371 121
Email: info@thaisarco.com
Website: www.thaisarco.com

ช่องทางการติดต่อหน่วยงานกำกับดูแล

ชื่อ : สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ติดต่อ : 02-142-1033 หรือ pdpc@mdes.go.th


Download: Privacy Notice(TH) (PDF)